2 Tweet อธิบายหัวใจสำคัญของ Content Marketing
ระหว่างที่ผมกำลังเขียนบล็อกนี้อยู่ ที่ Sydney กำลังมีงาน Content Marketing World Sydney 2013 ขึ้นซึ่งเป็นงานที่รวบรวมเหล่านักการตลาดคอนเทนต์จากทั่วโลกมาแชร์ประสบการณ์และทำ Workshop กัน แน่นอนว่าผมอยากไปแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปเลยต้องคอยติดตามผ่านทาง Twitter แทน ซึ่งก็มีหลายทวีตที่น่าสนใจและอยากเอามาแลกเปลี่ยนให้เห็นมุมมองของ Content Marketing ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไปกัน
Marketers need to get out of a campaign mentality. Content marketing is a marathon, not a sprint. @juntajoe #cmworld นักการตลาดต้องออกจากกรอบความคิดแบบแคมเปญเสีย Content Marketing เป็นเหมือนการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งทำความเร็วระยะสั้น
ผมเห็นข้อความข้างต้นมาเป็นครั้งที่สองแล้วหลังจากที่ผมเคยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มนักการตลาดคอนเทนต์ใน LinkedIn Group อยู่หลายครั้ง สิ่งที่หลายคนเข้าใจคือคอนเทนต์ต้องว้าว ต้องดึงดูด ต้องไม่ต่างจากโฆษณาเจ๋งๆ ที่เรียกคนดูมหาศาล วิธีคิดนี้ก็ไม่ต่างจากการพยายามคิด Viral Video เจ๋งๆ สักคลิปและหวังว่าจะมีคนแชร์และดูเข้าหลักล้านวิว
แต่จริงๆ Content Marketing เป็นการตลาดที่ทำอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้คอนเทนต์เป็นสื่อในการเชื่อมไปยังกลุ่มเป้าหมาย จริงอยู่ว่าคอนเทนต์ที่ว้าว เจ๋ง อึ้ง ทึ่ง ก็มีส่วนดีในการสร้างความสนใจให้กับตัวแบรนด์ แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการสร้างคอนเทนต์ที่ “มีคุณภาพ” อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอันที่จริงแล้วคำว่า “คุณภาพ” นั้นไม่ใช่ว่าต้องเจ๋ง อึ้ง ทึ่ง แต่คือการมีคุณค่าและมีความหมายกับคนที่ได้รับคอนเทนต์ ซึ่งเมื่อกลุ่มเป้าหมายได้รับคอนเทนต์เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น เกิดความไว้ใจแบรนด์ และเกิดการจดจำที่มีผลไม่แพ้กับการทำโฆษณาโดนๆ เลย
การเปรียบเทียบว่า Content Marketing คือการวิ่งมาราธอนนั้น ก็็เพราะกระบวนการทำ Content Maketing ต้องใช้ระยะเวลาที่นานในการสะสมและสร้างความเชื่อมั่น ต้องมีการคิดคอนเทนต์ที่ยั่งยืน ซึ่งมันไม่ใช่กระบวนการคิดแบบเปรี้ยงเดียวดัง โป้งเดียวฮิตแต่อย่างใด
Don’t think like a marketer, think like internet says Karl Bates #cmworldอย่าคิดเป็นนักการตลาด คิดให้เป็นอินเตอร์เนต
ทวีตข้างต้นเป็นข้อน่าคิดพอสมควรสำหรับนักการตลาดที่คิดจะเข้ามาใช้ Content Marketing ทั้งนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการมี Online Channel ว่าคือพื้นที่โฆษณาของตัวเอง นักการตลาดเลยใช้พื้นที่ดังกล่าวในการ ทำกิจกรรมทางการตลาดหรือใช้โพสต์คอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้าและผลิตภัณฑ์ไปโดยหวังว่านั่นคือโอกาสในการเอาข้อมูลสินค้าของตัวเองให้กับกลุ่มเป้าหมาย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราก็รู้กันดีว่าในทุกวันนี้ คนเราสามารถเลือกรับข้อมูลข่าวสารในโลกออนไลน์ได้ พวกเขาไม่ชอบ Interrupt Marketing แบบเดียวกับที่เคยใช้ใน Traditional Media แต่ก็นั่นแหละว่านักการตลาดมักกลัวว่าจะเสียโอกาสในการสื่อสารแบรนด์ตัวเองออกไป คอนเทนต์ที่ถูกนำมาใช้เลยกลายเป็นคอนเทนต์ที่วนเวียนอยู่กับข้อมูลสินค้าต่างๆ ไป
ในทางกลับกัน ถ้าเรามาดูว่าคอนเทนต์อะไรที่คนในโลกอินเตอร์เนตจะชอบ มันก็คือคอนเทนต์ที่มีประโยชน์กับเรา มีความหมายกับเรา และตอบโจทย์ความต้องการของเรา ฉะนั้นการจะเป็นนักการตลาดคอนเทนต์จึงควรจะถอดหมวกของการเป็นนักการตลาด “นักขาย” และกลายเป็นนักการตลาด “นักฟัง” เสียก่อน เพื่อจะได้เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่คนอยากได้กัน และที่ตรงนั้นแหละคือ Content Marketing
สองทวีตข้างต้นเป็นเพียงน้ำจิ้มเล็กๆ ของ Content Marketing โดยจริงๆ มีรายละเอียดอีกเยอะมากทั้งวิธีการคิด วิธีการวางแผน ไว้ผมจะมาแชร์ในบล็อกต่อๆ ไปนะครับ
Comments