5 ความผิดพลาดเดิมๆ ที่มักเกิดกับนักการตลาด
นักการตลาดนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคนสำคัญในการกำหนดอนาคตของธุรกิจว่าจะสามารถทำให้สินค้าหรือบริการนั้นออกสู่ตลาดได้อย่างประสบความสำเร็จหรือไม่
แต่ก็นั่นเองที่เรามักพบว่านักการตลาดก็ไม่ได้ทำแล้วสำเร็จเสมอไป แถมหลายๆ ครั้งก็กลายเป็นความล้มเหลวอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็ล้วนเกิดจากความผิดพลาดบางอย่าง “ระหว่างทาง” การทำการตลาดนั่นเอง
1. (เชื่อว่า) รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร
ภาวะหนึ่งที่มักจะเกิดบ่อย (ในห้องประชุม) คือการที่ทีมการตลาดค่อนข้างจะมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจผู้บริโภคดีกว่า รู้ข้อมูลเชิงลึกสุดๆ จนฟันธงกันได้เลยว่าลูกค้าจะต้องการอะไร และนั่นนำไปสู่การกำหนดคอนเทนต์ต่างๆ แนวทางการโปรโมต กำหนดราคา ฯลฯ เรียกได้ว่าถ้าแผนกการตลาดมั่นใจแล้ว อะไรที่เหลือก็ว่าตาม
และเราก็มักพบกันทีหลังว่า ไอ้ที่บอกว่า “รู้” เนี่ยคือ “รู้ไม่จริง” แล้วก็ทำให้สิ่งที่คิดตามมาจากการบอกว่า “รู้” นั่นพังเป็นไม่เป็นท่านั่นเองล่ะครับ
2. ขาดการตั้งสมมติฐานและทดลอง
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความมั่นใจจากข้อแรกด้วยหรือเปล่า แต่หลายๆ ไอเดียการตลาดนั้นเรียกได้ว่าเป็นการฟันธงกันในห้องประชุม (อีกแล้ว) โดยไม่ได้มีการทดสอบไอเดียเสียก่อนว่าเวิร์กหรือไม่ ผู้บริโภคสนใจจริงไหม น่าสนใจเพียงไร ประเภทว่าทำ Artwork ให้เสร็จแล้วเอาไปยิงแอดกันตูมเดียววัดผลไปเลย
และเราก็คงรู้กันดีว่าการกระทำโดยไม่ได้มีการตั้งสมมติฐาน ทดลองทดสอบนั้น มันก็มีความเสี่ยงจะ “วืด” หรือ “พลาด” เอาได้ง่ายๆ นั่นเอง
3. การคิดว่าทุกอย่างจะเป็นแบบเดิม
อาจจะเป็นเพราะความเคยตัวและคิดว่าการตลาดเป็นเหมือน “สูตรสำเร็จ” ที่ทำอะไรก็จะได้ผลอย่างนั้นไปเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้หลายๆ ทีมการตลาดเลือกจะใช้วิธีการเดิมๆ วิธีคิดแบบเดิมๆ ไม่ได้ลองอะไรใหม่ๆ หรือบางทีก็อาจจะลองบ้างแบบพอเป็นพิธีแต่สุดท้ายก็กลับไปสู่วิธีการแบบเก่าอยู่ดี เป็นต้น
แต่ในความจริงนั้น ผู้บริโภคซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญของการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางทีก็ค่อยๆ เปลี่ยน บางครั้งก็เปลี่ยนแบบปุปปับแล้วทำให้ทีมการตลาดที่ย่ำอยู่กับ “สูตรเดิม” ก็เลยไปต่อไม่เป็นเลยนั่นแหละ
4. หลงรักตัวเองมากเกินไป
นี่เป็นอีกข้อที่ผมมักพูดบ่อยๆ ว่าต้องระวังมาก เพราะบางครั้งเราก็เชื่อมั่นใจสินค้าตัวเองมากเกินไป คิดว่ามันดีที่สุด ใครๆ ก็ต้องการ มันเจ๋งมากๆ แต่เราอาจจะไม่ได้คิดในมุมมองของลูกค้าว่าเขาต้องการมันจริงไหม มันสำคัญกับเขาหรือเปล่า
จริงอยู่ว่าการเชื่อมั่นและภูมิใจกับสินค้าตัวเองเป็นสิ่งที่ต้องทำ (ก็ถ้ายังไม่เชื่อแล้วจะมาขายก็คงไม่เข้าท่านัก) แต่การหลงมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดอคติและยึดติดกับบางอย่างจนเกินพอดีไปได้นั่นเอง
5. คุยกันเองแต่ไม่คุยกับลูกค้า
อันนี้ก็เป็นปัญหาคลาสสิกในหลายๆ องค์กรที่แผนกการตลาดแทบไม่ได้เจอลูกค้าเลย หากแต่วนไปเวียนมากับการอยู่ในออฟฟิศ ประชุม ดู Powerpoint โดยที่ขาดการพูดคุยกับลูกค้าจริงๆ (แล้วก็ไปหวังพึ่งแผนก Research ให้ช่วยทำการบ้านให้หน่อย)
และนั่นก็เลยไม่แปลกที่จะทำให้แผนกการตลาดมักมีปัญหากับแผนกอื่นๆ ที่เจอลูกค้าว่าเห็นภาพลูกค้าไปคนละทาง (แต่สุดท้ายแผนกการตลาดมักจะเสียงดังกว่าแผนกอื่นน่ะนะ)
บทความอื่นที่น่าสนใจ
Comentarios