5 วิธีพื้นฐานสู่การเป็น Expert โดยไม่ต้องพึ่งพรสวรรค์
ผมมักจะชวนน้องๆ ในทีมคุยอยู่บ่อยๆ เรื่องของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานของตัวเอง แน่นอนว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญ (หรือที่เรามักเรียกกันว่า Expert) นั้นมีส่วนสำคัญมากในการได้รับโอกาสทำงานที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางอาชีพ รวมไปถึงการที่ทำให้ระดับความสามารถของตัวเองสูงขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าใครๆ ก็ล้วนอยากเป็นผู้เชี่ยวชาญกันอยู่แล้วนั่นแหละ
แต่เราก็มักมีความคิดคู่กันไปว่าคนทั่วไปจะไปเป็นผู้เชี่ยวชาญกันได้อย่างไรกัน ส่วนมากคนที่เชี่ยวชาญนั้นมักจะมีพื้นฐานดีมาตั้งแต่เกิด บ้างก็สั่งสมประสบการณ์มานาน ยากที่คนอย่างเราๆ จะไปเป็นแบบพวกเขาได้
ฟังๆ ดูแล้วก็เป็นชุดความคิดที่ตีกรอบโอกาสตัวเราอยู่พอสมควรใช่ไหมครับ?
เอาจริงแล้วๆ จากประสบกาณณ์ของผมนั้น การเป็นผู้เชี่ยวชาญก็เป็นเรื่องยากอยู่พอสมควร และการมีพรสวรรค์หรือพื้นฐานบางอย่างก็เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่านั่นเป็นปัจจัยทั้งหมดประเภทว่าถ้าไม่ได้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์แล้วจะเก่งไม่ได้ เนื่องจากเอาจริงๆ แล้วเราก็จะรู้ดีว่าทักษะหลายๆ อย่างนั้นสามารถฝึกฝนกันได้ และในหนังสือ Mastery ซึ่งเป็น Best-Seller ของ Robert Greeen เองก็พูดไว้ในทำนองนี้เหมือนกัน (นี่เป็นหนึ่งในหนังสือดีที่คนอยากเก่งควรอ่านนะครับ ^^)
ความน่าสนใจเรื่องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น คือการที่เราต้องกล้าจะมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว คนทั่วๆ ไปสามารถกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ถ้ารู้จักวิธีการวางแผนฝึกฝนตัวเอง ซึ่งในหนังสือต่างๆ ที่พูดเรื่องนี้มักจะมีจุดร่วมๆ กันอยู่หลายอย่าง ซึ่งผมพอจะสรุปเป็นประเด็นๆ ตามนี้นะครับ
1. คุณต้อง “หลงรัก” สิ่งนั้น
การที่คุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรสักอย่างนั้น หมายความอยู่กลายๆ ว่าคุณจะใช้ชีวิตของคุณอยู่กับมันมากเป็นพิเศษ เผลอๆ มันอาจจะมากกว่าเรื่องอื่นๆ ในชีวิตของคุณด้วยซ้ำ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณก็ต้องถามตัวเองให้แน่ชัดว่าสิ่งๆ นั้นเป็นสิ่งที่คุณหลงรักและพร้อมจะใช้ชีวิตอยู่กับมันได้หรือเปล่า มันอาจจะฟังดูคล้ายๆ กับเลือกคู่รักยังไงก็ไม่รู้นะฮะ แต่ก็นั่นแหละที่ถ้าคุณหลงรักอะไรบางสิ่งอย่างหัวปักหัวปำ คุณก็จะสามารถทุ่มเวลาและความคิดต่างๆ กับมันได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่ายนั่นแหละ
2. คุณต้องไม่คิดหวังผลว่าจะ “ดัง” หรือจะ “รวย”
ถ้าเรามองไปยังบรรดาผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ นั้น ส่วนมากไม่ใช่คนประเภทที่หวังจะรวยหรือจะดัง แต่ดันดังและรวยหลังจากงานของพวกเขาประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับเสียมากกว่า ที่มักเป็นอย่างนี้เพราะคนที่หวังจะฝึกตัวเองเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นสนใจในเรื่องความรู้ความสามารถ จนถึงการประสบความสำเร็จในการสร้างสรรค์มากเสียกว่าจะหวังรวยและชื่อเสียง และสิ่งที่ตามมาคือไม่ใช่เรื่องตั้งหน้าตั้งตาหาเงินแต่อย่างใด หากแต่เรื่องการพยายามลับคมความสามารถให้มากที่สุด หาความรู้ให้มากที่สุด ซึ่งนั่นเป็นพื้นฐานสำคัญมากๆ ของการเป็นผู้เชี่ยวชาญนั่นเอง
3. หา Mentor ของคุณให้เจอ
ผมมักพูดกับน้องๆ เวลาไปบรรยายตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อยู่บ่อยๆ ว่าคนประสบความสำเร็จนั้นมักจะมี Mentor เป็นคนชี้แนะนั่นแหละ (ถ้าจะเปรียบง่ายๆ แล้ว Mentor ก็เหมือนครูอีกคนของคุณ) ที่เรื่องนี้สำคัญนั้นเพราะหลายๆ ครั้งต่อให้คุณมีความรู้และข้อมูลมากมาย แต่คุณอาจจะไม่สามารถนำมาพัฒนาให้กลายเป็นทักษะที่สมบูรณ์ได้ บ้างก็เพราะบางอย่างอาจจะจำเป็นต้องปรับให้เหมาะกับตัวคุณเองเช่นลักษณะนิสัย ภูมิหลัง ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คุณอาจจะคิดออกเองได้ลำบาก (หรืออาจจะคิดไม่ออกเลยก็ได้) ซึ่งการมี Mentor ที่คอยชี้แนะ บอกเตือนหรือบอกแนวทางที่คุณจะสามารถไขปัญหาออกมาได้ ซึ่งสำหรับผมแล้วนั้น Mentor นี่คือกุญแจความสำเร็จสำคัญที่คุณควรจะหาให้เจอให้ได้เลยล่ะครับ
4. การต่อยอดเป็นทักษะของคุณเอง
การเป็นผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่ใช่แค่รู้เยอะเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างชุดความรู้และประสบการณ์สะสมของตัวเองด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจึงมักจะต่อยอดด้วยการทดลองความรู้นั้นในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะว่าเป็นการท้าทายความรู้เองก็คงจะใช่ด้วย (ส่วนหนึ่งเพราะผู้เชี่ยวชาญมักไม่หยุดการเรียนรู้เพียงแค่เรียนจบแต่อย่างใด)
5. ฝึกฝน ฝึกฝน ฝึกฝน
แน่นอนครับ ไม่ใช่แค่จะต้องรู้ หรือทดลองเพื่อให้เกิดชุดความรู้ใหม่ๆ เพียงอย่างเดียว สิ่งที่ตามมาคือการพอคุณรู้ “แนวทาง” หรือ “วิถี” ของคุณแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อคือการฝึกฝนเพื่อให้ความรู้ใหม่นั้นแหลมคมและกลายเป็นทักษะที่แม่นยำมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าจะลองคิดเปรียบเทียบกันแล้ว ก็อาจจะคล้ายๆ กับบรู๊ซ ลีที่เขาคิดศิลปะการต่อสู้ของตัวเองขึ้นมาหลังจากการเรียนรู้และทดลองเพลงมวยสายต่างๆ พอเขาคิดค้นได้แล้ว เขาก็ฝึกฝนจนมันกลายเป็นความเชี่ยวชาญที่ยากจะหาใครเทียมนั่นแหละครับ
สำหรับผมแล้ว 5 ข้อน้คือพื้นฐาน “โคตรสำคัญ” ถ้าคุณอยากจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และจะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์แต่อย่างใด เหมือนที่ผมเกริ่นไว้ตอนแรกๆ นั่นแหละครับ
ว่าแต่…คุณเริ่มจะทำ 1 ใน 5 ข้อนี้กันหรือยังครับ ^^
ภาพประกอบซื้อและดาว์นโหลดอย่างถูกต้องจาก Shutterstock
Kommentare