Agentic AI คืออะไร? จะเข้ามาเปลี่ยนงานอย่างไร ?

หลังจากที่เราฮือฮามากับ Generaetive AI ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราก็กำลังจะเข้าสู่อีกยุคสมัยของ AI โดยการเข้ามาของ Agentic AI ที่ถูกมองว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานครั้งใหญ่ ซึ่งในบทความ What Is Agentic AI, and How Will It Change Work? ของ HBR ก็มีการสรุปประเด็นที่คนทำงานควรรู้ไว้อย่างดีทีเดียว

📍Agentic AI คืออะไร?

Agentic AI คือระบบ AI ที่มีความสามารถในการทำงานแบบเชิงรุกและอิสระ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ตลอดเวลา ระบบสามารถเข้าใจเป้าหมายและบริบทของงาน แล้วดำเนินการตัดสินใจและลงมือทำงานได้เอง ซึ่งแตกต่างจาก AI รุ่นก่อนที่ต้องทำงานตามกฎที่กำหนดไว้อย่างตายตัว

📍ความพิเศษของ Agentic AI คือ:

- มุ่งเน้นการตัดสินใจมากกว่าการสร้างเนื้อหา

- ทำงานโดยอิสระตามเป้าหมายที่กำหนด ไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์

- สามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ เช่น การค้นหาข้อมูลและจัดการกระบวนการทำงานต่างๆ

📍ประโยชน์ของ Agentic AI

1. เพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

Agentic AI ช่วยให้องค์กรสามารถแบ่งงานได้ละเอียดมากขึ้น โดยสร้าง AI agents ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น การค้นหาข้อมูล การวิเคราะห์ และการจัดการขั้นตอนการทำงาน ซึ่งทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ส่งเสริมนวัตกรรม

ด้วยความสามารถในการประมวลผลและตัดสินใจ Agentic AI สามารถช่วยในการทดลองและสร้างนวัตกรรมได้ เช่น การค้นพบสารประกอบใหม่ในด้านเคมี หรือการวิเคราะห์งานวิจัยจำนวนมากเพื่อหาแนวทางใหม่ๆ

3. เพิ่มความน่าเชื่อถือ

Agentic AI มีความสามารถในการแยกแยะและประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลได้ดีกว่า ทำให้การตัดสินใจมีความแม่นยำมากขึ้น และลดปัญหาการสร้างข้อมูลเท็จที่มักพบใน AI ทั่วไป

📍การประยุกต์ใช้งาน

บริการลูกค้า

Agentic AI สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า จัดการปัญหา และดำเนินการแก้ไขได้โดยอัตโนมัติ เช่น การแจ้งความล่าช้าในการจัดส่งและเสนอส่วนลดเพื่อรักษาความพึงพอใจของลูกค้า

การผลิต

ใช้ในการควบคุมสายการผลิต ปรับแต่งผลิตภัณฑ์ และคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของการผลิต

สาธารณสุข

Agentic AI สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการดูแลผู้ป่วย จัดการตารางการรับประทานยา และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

📍ความท้าทายและแนวทางสู่ความสำเร็จ

การนำ Agentic AI มาใช้งานให้ประสบความสำเร็จ ต้องคำนึงถึง:

1. การกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน (SMART Goals)

- ต้องระบุเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ และมีกรอบเวลาชัดเจน

- ให้ข้อมูลบริบทที่จำเป็น เช่น เหตุผลทางธุรกิจและผลกระทบต่อรายได้

2. การจัดทีมที่เหมาะสม

- เลือกใช้ AI agents ที่มีความสามารถตรงกับงาน

- พิจารณาการทำงานร่วมกันระหว่าง AI และมนุษย์

3. การกำหนดขอบเขตการตัดสินใจ

- สร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจน

- มีระบบตรวจสอบและการกำกับดูแลที่เหมาะสม

- ค่อยๆ ให้อิสระในการตัดสินใจมากขึ้นตามประสบการณ์

แม้ว่า Agentic AI จะมีศักยภาพสูงในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสร้างนวัตกรรม แต่การนำมาใช้ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและการจัดการที่เหมาะสม การวางแผนที่ดีและการกำกับดูแลอย่างรอบคอบจะช่วยให้องค์กรได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน