CMMU เผยแนวโน้มคนไทยให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูชีวิต จิตใจ และโลก
อันนี้ข้อมูล / ข่าวประชาสัมพันธ์จากทาง CMMU Mahidol ที่รายงานเทรนด์การตลาดชุดใหม่ "What If Marketing - การตลาดสามมิติสู่การเปลี่ยนแปลง" โดยชูเรื่อง Insight จากการสำรวจจากคนไทยกว่า 1,000 คนแล้วพบปัญหาพฤติกรรมเชิงลบของคนไทยอย่างต่อเนื่องใน 3 ประเด็นหลักคือ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การดูแลสุขภาพใจ และการรักษาสิ่งแวดล้อม
การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
ผลการวิจัยพบว่าผู้บริโภคต้องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอาหารให้ดีต่อสุขภาพ ด้วย 3 ปัจจัย คือ 1. ต้องการรักษาและคงสุขภาพระยะยาว 2. เสริมภาพลักษณ์ และ 3. ป้องกันโรค โดยประเภทอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พบว่า 5 อันดับแรกที่พูดถึงมากที่สุด คือ 1. อาหารออร์แกนิค (Organic) 2. อาหารโลว์คาร์บ (Low Carb) 3. อาหารโพรไบโอติกส์-พรีไบโอติกส์ (Prebiotic/Probiotic) 4. อาหารแพลนต์เบสด์ (Plant-Based) และ 5. อาหารคีโตวีแกน (Keto Vegan) ขณะที่คุณลักษณะของอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ผลวิจัยพบว่า อาหารที่ปลอดสารพิษและยาฆ่าแมลงมาเป็นอันดับสูงสุด รองลงมาคือ อาหารโซเดียมต่ำ และอาหารไขมันต่ำ
สุขภาพใจ
อมูลวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียด 3 อันดับแรก คือ 1. หน้าที่ความรับผิดชอบ 2. การเงิน 3. สุขภาพ ซึ่งเมื่อเจาะข้อมูลเชิงลึกความเครียดของแต่ละเจนเนอเรชัน พบว่า ‘กลุ่มคน Gen Y มีความเครียดมากที่สุด’ ส่วนใหญ่เกิดจากเรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน และต้องการบาลานซ์ความสุขกับความสำเร็จคู่กัน รองมาคือกลุ่ม Gen Z เครียดเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการงาน การเรียน เน้นให้ความสำคัญต่อความสุขมากกว่าความสำเร็จ ตามด้วยกลุ่ม Gen X ที่เครียดจากหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้นและเข้าใกล้วัยเกษียณ รวมถึงการวางแผนชีวิต และกลุ่ม Baby Boomer เครียดเรื่องปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด ไม่อยากเป็นภาระของลูกหลาน ซึ่งการเกิดความเครียดเหล่านี้ ส่งผลต่อการนอนหลับ อารมณ์ ความคิด และนำสู่การดูแลสุขภาพใจ
การรักษาสิ่งแวดล้อม
ข้อมูลวิจัยพบว่า จากปัญหาสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เกิดปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการใช้สินค้า และบริการที่เกี่ยวกับความยั่งยืนใน 3 อันดับแรก คือ 1. ตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 69.9% 2. อยากช่วยแก้ปัญหาระยะยาว 62.6% และ 3. อยากช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต 61.2% โดยกลุ่มเจนเนอเรชันที่มีพฤติกรรมให้ความสำคัญกับการใช้สินค้าและบริการที่เกี่ยวกับความยั่งยืนอันดับหนึ่งคือ กลุ่ม Baby Boomer รองมาคือ Gen Z Gen X และ Gen Y ซึ่งพฤติกรรมยั่งยืนที่ผู้บริโภคทำมากที่สุด คือ ปิดน้ำ ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน ซื้อสินค้าใหม่เป็นสินค้ายั่งยืน และนำสิ่งของที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ (Reuse) ขณะเดียวกันพฤติกรรมยั่งยืนที่ทำน้อยที่สุด คือ ใช้รถสาธารณะ ใช้สินค้าที่เกี่ยวข้องคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และใช้แก้วส่วนตัว
ข้อมูลดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงสภาวะสังคมปัจจุบันของคนไทยได้ดีระดับหนึ่งซึ่งเจ้าของธุรกิจหลายคนอาจจะเอาไปใช้คิดต่อได้ว่าจะสามารถนำไปสู่การต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจของตัวเองได้อย่าง ทั้งในเรื่องการพัฒนาสินค้าบริการ หรือการสื่อสารแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน
Comments