Like Ad หรือ Boost Post? เลือกใช้ให้ถูก เพจจะได้ปัง
วันก่อนมีคนมาปรึกษาผมเรื่องการทำ Facebook Page แล้วบอกว่าตัวเพจนั้นยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร จะทำอย่างไรได้บ้าง ผมก็เลยลองถามต่อว่าที่ผ่านมาทำอะไรไปบ้าง ได้มีการลงโฆษณาไปบ้างไหมซึ่งก็ได้คำตอบว่าทุกวันนี้ทำคอนเทนต์แล้วก็มีการ Boost Post อยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเวิร์คเท่าไร
สถานการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยิน แต่ก็มีหลายๆ คนมาถามผมอยู่เรื่อยๆ ว่าทำไม Boost Post แล้วไม่เวิร์ค ทำไมยอดแฟนไม่มา ไม่มีคนมาไลค์เลย
เรื่องนี้เลยตบเข้ากับที่ผมมักบอกบ่อยๆ ว่าที่ Facebook Page ยังไม่เปรี้ยง บางทีเพราะเราซื้อโฆษณาไม่ถูกประเภทก็ได้
ที่บอกเช่นนี้เพราะถ้าใครที่อ่านรายละเอียดของโฆษณาต่างๆ ที่ Facebook มีให้นั้น จะเห็นว่ามีโฆษณาอยู่หลายประเภทขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของเรา ซึ่งก็จะมีมากมายตั้งแต่การเน้นสร้าง Traffic ไปเที่ยวเว็บ เน้นการเห็นคอนเทนต์ หรือการสร้าง Engagement โดยตรงนี้ Facebook ก็จะออกแบบระบบ Algorithm ของโฆษณามาให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงโฆษณามากที่สุด (อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็อ่านที่ Facebook Ad Guide ได้ครับ)
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_258f598c583f4b02b434d7e13fce79a1~mv2.png/v1/fill/w_972,h_429,al_c,q_90,enc_auto/73e1b1_258f598c583f4b02b434d7e13fce79a1~mv2.png)
Like Ad vs Boost Post
ทีนี้มาถึง Ad สองประเภทที่คนใช้กันบ่อยๆ ซึ่งชื่อที่เราคุ้นเคยก็คือ Like Ad (Pages Like Ad) และ Boost Post (Page Post Engagement) ซึ่งหลายๆ คนอาจจะมองว่ามันคือการ “ซื้อโฆษณา” เหมือนกัน แต่จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับเหมือนกันอย่างนั้นหรอกนะครับ
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_104935c7cc104c2aa069fe9907e28553~mv2.png/v1/fill/w_528,h_336,al_c,q_85,enc_auto/73e1b1_104935c7cc104c2aa069fe9907e28553~mv2.png)
เรามาทำความเข้าใจกันนิดนึงว่า Like Ad นั้นเป็นโฆณาที่เน้นการสร้างยอด Like กับเพจที่ลงโฆษณา พูดกันง่ายๆ คือการสร้างฐาน “คนติดตาม” ให้กับเพจ โดยไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการให้คนเห็นคอนเทนต์ขึ้นแบบทันทีทันใด ทั้งนี้เนื่องจากโฆษณาของ Like Ad นั้นจะมีลักษณะตามรูปด้านล่างนี้
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_50a5e0213a024aa19600a9e2fb809e74~mv2.png/v1/fill/w_826,h_446,al_c,q_90,enc_auto/73e1b1_50a5e0213a024aa19600a9e2fb809e74~mv2.png)
ทั้งนี้ Facebook ก็ให้เราสามารถปรับเปลี่ยนรูปภาพและข้อความได้ตามต้องการ รวมทั้งการเลือกว่าจะใช้รูปกี่รูปในการ Optimize เพื่อหาตัว Ad ที่มีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด
แน่นอนว่าโฆษณาชุดนี้เหมาะกับเรื่องของการ “สร้างฐานแฟน” เป็นหลัก ซึ่งจะมีประโยชน์มากกับเพจที่เน้นการสื่อสารอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเมื่อคนเหล่านี้กดไลค์เพจแล้วก็จะมีโอกาสเห็นโพสต์แบบ Organic ได้ (บ้าง)
ในทางกลับกันนั้น ตัว Boost Post จะทำหน้าที่อีกอย่าง นั่นคือการ “ทำให้คนเห็นโพสต์ (นั้นๆ) ของเพจ” พูดง่ายๆ คือการเพิ่มจำนวนคนเห็นโพสต์ที่เราเลือก Boost นั่นแหละ โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะให้ที่เรา “จ่ายเงินเพื่อให้เห็น” จะเป็นคนกลุ่มไหน ทั้งคนกลุ่มที่กดไลค์เพจอยู่แล้ว คนที่เป็นเพื่อนของคนที่กดไลค์ หรือแม้แต่คนที่เราเลือกตามความต้องการ ซึ่งตัวโฆษณานี้ก็จะแสดงผลเหมือนกับโพสต์คอนเทนต์ปรกติแต่จะมีตัวขึ้นว่าเป็น sponsored นั่นเอง
![](https://static.wixstatic.com/media/73e1b1_a8981459a4404975837f06ea6fb15864~mv2.png/v1/fill/w_523,h_534,al_c,q_85,enc_auto/73e1b1_a8981459a4404975837f06ea6fb15864~mv2.png)
ส่วนเหตุผลที่เขามักเรียกกันว่า Page Post Engagement นั้นเพราะสมมติฐานที่ว่ายิ่งคนเห็นคอนเทนต์มากขึ้นเท่าไร มันก็จะมีโอกาสที่เขาจะอ่าน คลิ้ก กดไลค์ คอมเมนต์ หรือแชร์นั่นเอง
แล้วใช้ตัวไหนดี?
เอาจริงๆ เราก็ต้องใช้มันทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเป้าหมายของเพจ เช่น
ถ้าเพิ่งเปิดเพจใหม่ เราก็อาจจะต้องเน้นการสร้างฐานแฟนให้โตเร็วที่สุดก่อน จึงควรเลือกใช้ Like Ad เป็นโฟกัสแรก
สำหรับเพจที่มีฐานแฟนมากระดับหนึ่งแล้วต้องการโปรโมทคอนเทนต์ โปรโมทสินค้าใหม่กับฐานแฟนเดิม ก็ใช้ Boost Post ไป
ธุรกิจบางธุรกิจไม่เน้นให้คนมาตามไลค์ เช่นประกาศขายคอนโด อาจจะเน้น Boost เป็นหลักแทน (คนเราไม่ได้ซื้อคอนโดกันบ่อยๆ)
ทั้งนี้ผมยังย้ำเสมอว่ามันไม่มีสูตรตายตัว ซึ่งเราก็สามารถเอามาพลิกแพลงใช้ได้ตามแต่ที่จะคิดกลยุทธ์ขึ้นมาต่างหาก
แล้วทำไมเขา Boost แล้วแฟนเพิ่มกันเยอะ?
เคสนี้ถ้าจะอธิบายแบบหลักจิตวิทยาง่ายๆ คือบางโพสต์นั้นถูก Boost ไป “โดนใจ” และทำให้คนที่อ่านรู้สึก “อยากติดตาม” จนกดไลค์เพจเพิ่ม แต่ทั้งนี้ก็ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนที่อ่าน กดไลค์โพสต์ หรือกดแชร์จะกดไลค์เพจกันทุกคน ลูกค้าบางคนอาจจะสนใจแต่ซื้อครั้งเดียวโดยไม่ได้อยากกดไลค์ติดตาม อีกทั้งเคสแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไปด้วย มันมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ถ้าใครใช้วิธีคิดแบบ Content Marketing ดีๆ ก็จะสามารถใช้จุดนี้สร้างโอกาสได้เยอะอยู่ เพราะถ้าทำคอนเทนต์ดีๆ อย่างต่อเนื่องก็จะมีเหตุผลให้คนอยากมาติดตามเพิ่มนั่นเอง
Kommentare