top of page

ต้องถามไหมว่าทำอะไรดี?

คำถามที่ถามว่า “ทำอะไรดี” มันเป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาบ่อยๆ ยามที่เราว่างและไม่รู้จะทำอะไร สมัยก่อนผมก็มีคำถามแบบนี้บ่อยในทุกวัน ทุกเย็นก็อดไม่ได้จะต้องถามเพื่อนว่า “เย็นนี้ทำอะไรกันดี” ก่อนที่จะจบลงด้วยการนัดกินข้าวและเล่น DotA ก่อนกลับบ้าน (ไม่น่าเชื่อว่านั่นคือกิจกรรมของคนที่ทำงานมาแล้ว 4-5 ปีนะเออ) ซึ่งก็ต่อไปด้วยวันเสาร์อาทิตย์ที่ช่วงหนึ่งผมใช้เวลาอยู่กับการเล่นเกม เปิดเว็บเพจไปเรื่อยๆ รอโทรศัพท์เพื่อนที่จะโทรมาชวนว่าตอนเย็นจะกินข้าวอะไร และคืนนั้นจะไปเทึี่ยวไหน

คำถามว่า “ทำอะไรดี” จึงเป็นคำถามที่เราพูดกันบ่อย (บางครั้งอาจจะเปลี่ยนคำบ้าง เช่น “เย็นนี้ทำอะไร” “พรุ่งนี้ใครมีโปรแกรมอะไรบ้าง” ฯลฯ)

เราข้ามมาปัจจุบัน ใน LINE Group ของเพื่อนผมก็ยังมีการตั้งคำถามแบบเดิมๆ แม้จะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วหลังจากที่เราเรียนจบกัน แต่ผมมานั่งนึกๆ ดู ผมจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ผมถามตัวเองว่า “ทำอะไรดี” เพราะ “ไม่มีอะไรทำ” นั้นเมื่อไรกัน (ไม่นับการที่ผมถามแฟนผมว่าทำอะไรในวันเวลาที่เราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันในแต่ละอาทิตย์)

ผมเคยนั่งคุยกับพี่ชายคนหนึ่งของผมอย่างติดตลกว่าทุกวันนี้ผมเปลี่ยนจากการเป็นคนตั้งคำถามว่า “ว่างแล้วทำอะไรดี” มาเป็น “จะทำอะไรก่อนดี” เพราะรู้สึกว่ากิจกรรมและสิ่งที่ผมอยากทำนั้นต่อแถวยาวเหยียดชนิดยังแอบนึกว่าเวลาว่างเท่าไรถึงจะเคลียร์สิ่งเหล่านี้หมดได้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบล็อก (ที่คุณๆ อ่านอยู่นี่) เขียนหนังสือของตัวเอง เขียนบทวิจารณ์ลง barkandbite อ่านหนังสือที่ซื้อมามากมาย ดูหนังที่ยังไม่ได้ดู ฯลฯ (นี่ไม่นับงานประจำที่ต้องทำ)

ฟังดูอาจจะเยอะจนบางคนเคยพูดประชดติดตลก “มึงเอาเวลาไหนนอน?” แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยการที่ผมมีสิ่งที่อยากทำ (และได้ลงมือทำ) ค่อนข้างเยอะ ทำให้ผมใช้เวลาในวันหยุด ชั่วโมงที่ว่าง ทำสิ่งเหล่านี้แทบจะตลอดเวลา

ผมเลยไม่มีปัญหาเลยที่จะถามว่า “ทำอะไรดี” เพราะทุกวันนี้น่าจะมีปัญหาว่า “ไม่มีเวลาทำ” เสียมากกว่า

ถ้าเราเอาประเด็นนี้มาแบ่งประเภทของคน บางทีเราอาจจะเห็นคนสองประเภทใหญ่ๆ ตามการตั้งคำถามนั่นแหละครับ คือคนที่มีเวลาเยอะแต่ไม่รู้จะทำอะไร กับคนที่มีอะไรให้ทำเยอะจนไม่มีเวลา และก็คงไม่มีการไปตัดสินว่าใครผิดใครถูกแต่อย่างใด เพราะคนแต่ละประเภทก็คงมีความสุขในแบบของตัวเองนั่นแหละครับ

หากมีใครมาถามผมว่าจุดเปลี่ยนอะไรที่ทำให้กลายเป็นคนประเภทมีอะไรให้ทำเยอะ? ส่วนหนึ่งคงจะมาจากวันที่ผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมอยากจะทำอะไรในอนาคต ผมอยากจะออกชีวิตตัวเองเป็นอย่างไร แน่นอนว่าพอผมมองย้อนตัวเองไปดูว่าผมใช้ “เวลาชีวิต” หมดไปแบบวันๆ แล้ว มันก็เลยกลายเป็นแรงพลักที่ทำให้ผมคิดว่าผมน่าจะทำอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์กับชีวิต เป็นประโยชน์ในแบบที่จะสามารถมีความสุขได้ทั้งแบบในระยะสั้นและระยะยาว นั่นทำให้ผมเริ่มลองปรับเวลาของตัวเองให้ต่างไปจากเดิม

จะว่าไปแล้ว คนเราทุกคนก็มีเวลาในแต่ละวันเท่ากันแหละครับ ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ในการได้เวลา 25ชม. มากกว่าคนอื่นแต่อย่างไร แต่ที่แต่ละคนมีชีวิตแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเขาเลือกจะใช้เวลาที่ตัวเองมีในวิถีที่แตกต่างกันไป บางคนใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับงาน บางคนใช้เวลาอยู่กับเพื่อน บางคนก็เอาไปอยู่กับแฟน ซึ่งการตัดสินใจนั่นแหละที่จะทำให้วิถีชีวิตของแต่ละคนแตกต่างกัน (แต่นั่นยังไม่นับว่าแต่ละคนบริหารเวลาได้มีประสิทธิภาพไหมนะครับ)

ผมมักพูดเสมอว่าการใช้ชีวิตก็เหมือนกับการเดินทาง ตลอดเวลาที่เราเดินทางนั้น เราเองก็เป็นคนกำหนดว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน จะเส้นทางที่เหมือนคนอื่นหรือแตกต่างจากคนอื่นก็แล้วแต่ตัวเรา ซึ่งนั่นก็จะทำให้ “พื้นฐาน” ของตัวเองแตกต่างจากคนอื่นด้วยเช่นกัน

ประสบการณ์และวัตถุดิบชีวิตที่แต่ละคนเก็บเกี่ยวตลอดการเดินทางในช่วงเวลาที่ผ่านไปนั้นจะกลายเป็นสมุดบันทึกของแต่ละคนที่สามารถกลับมาเปิดอ่านได้ในภายหลัง คนที่มีเรื่องราวมากก็อาจจะได้เปรียบเมื่อที่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์และความรู้บางอย่าง แต่มันก็อาจจะแลกมาด้วยการที่เขาอาจจะไม่ได้รื่นเริงมากเท่ากับคนอื่น

ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ลองถามตัวเองกันดีไหมครับ

“ต่อไปนี้ คุณจะทำอะไรดี?”

Comments


Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page