ทำไมแบรนด์ Luxury ถึงครองใจคนชั้นกลางมากกว่ามหาเศรษฐี
- Nuttaputch Wongreanthong
- 26 มี.ค.
- ยาว 1 นาที

เมื่อเรานึกถึงสินค้า Luxury ภาพแรกที่มักผุดขึ้นมาในหัวคือเหล่ามหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา มีรถซูเปอร์คาร์ สวมเสื้อผ้าราคาแพง และถือกระเป๋าแบรนด์ดัง อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงในโลกธุรกิจกลับสวนทางกันอย่างน่าทึ่ง — ผู้บริโภคหลักของสินค้า Luxury ไม่ใช่ชนชั้นสูงสุดของสังคม แต่กลับเป็นกลุ่ม ชนชั้นกลางระดับบน และ กลุ่มที่มีความใฝ่ฝันอยากก้าวข้ามฐานะเดิม (aspirational consumers)
1. ตลาดที่ใหญ่กว่า มีกำลังซื้อแบบ “พร้อมเปย์”
ชนชั้นกลางระดับบน คือกลุ่มที่มีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับมหาเศรษฐี การโฟกัสที่ตลาดนี้ช่วยให้แบรนด์หรูสามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมาก โดยไม่สูญเสียภาพลักษณ์ของความพรีเมียม เพราะแม้จำนวนจะมาก แต่การ “เข้าถึงได้” ยังคงถูกจำกัดด้วยราคาอยู่ดี
2. ขายความฝัน ไม่ใช่แค่สินค้า
สินค้า Luxury มักไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่เป็น สัญลักษณ์ของสถานะ คนชั้นกลางจำนวนมากซื้อสินค้าเหล่านี้เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ว่า “ฉันประสบความสำเร็จ” หรือ “ฉันใกล้จะเป็นคนรวยแล้ว” นี่คือพลังของแบรนด์ที่สามารถ สร้างแรงบันดาลใจ และ เติมเต็มความฝัน ของผู้บริโภคได้
3. ราคาสูง = คุณค่าทางใจ
กลยุทธ์ราคาของสินค้า Luxury ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ต้นทุน แต่คือการสร้างความรู้สึกว่า “สิ่งนี้มีคุณค่ามากพอที่ฉันควรจ่าย” คนชั้นกลางยอมจ่ายแพงเพื่อแสดงว่าตนสามารถ “เอื้อมถึง” ของที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง เป็นการเสริมอัตลักษณ์ที่ทรงพลัง
4. คนรวยจริง…ชอบ “ความเงียบ”
ในขณะที่คนชั้นกลางอยากแสดงออกถึงความมั่งคั่ง คนรวยจริงกลับหลีกเลี่ยงการโชว์โลโก้หรือความโดดเด่นที่ฟุ่มเฟือย พวกเขานิยม “Quiet Luxury” หรือความหรูหราแบบไม่โอ้อวด (no-logo aesthetic) ทำให้กลุ่มนี้ไม่ได้เป็นตลาดที่น่าตื่นเต้นสำหรับแบรนด์ที่ต้องการ visibility
5. ความรู้สึกว่า “ฉันคู่ควร” คือแรงผลักดัน
สำหรับคนชั้นกลาง การซื้อสินค้า Luxury มักเป็นการ “ให้รางวัลตัวเอง” หลังจากทำงานหนัก หรือเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำเร็จที่พวกเขากำลังสร้าง แม้จะต้องผ่อนนาน หรือก่อภาระทางการเงินบ้าง แต่ความรู้สึกว่า “ฉันก็มีได้” นั้นมีพลังมากเกินจะปฏิเสธ
6. การรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์
การขายให้กับกลุ่มคนที่ “อยากดูรวย” แทนที่จะเป็น “คนที่รวยอยู่แล้ว” ยังเป็นการคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ของความหรูหราโดยไม่ทำลายความเอ็กซ์คลูซีฟ เพราะถึงแม้จะมีคนซื้อจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง
ในโลกยุคใหม่ ความหรูหราไม่ได้วัดจากมูลค่าทางการเงินเพียงอย่างเดียว แต่วัดจากความหมายที่มันสื่อถึงผู้ถือครอง แบรนด์ Luxury ที่ประสบความสำเร็จในยุคนี้ ไม่ใช่แบรนด์ที่ขายให้กับคนที่ มีทุกอย่างอยู่แล้ว แต่เป็นแบรนด์ที่ขายให้กับคนที่ กำลังจะมีทุกอย่างในอนาคต
เพราะในท้ายที่สุด… คนที่ “อยากดูรวย” คือคนที่ยอมจ่ายมากที่สุด นั่นเอง
Comentários