อย่าเอาแต่ “แก้ชง” แล้วไม่คิดจะ “แก้นิสัย”
ปีใหม่เข้ามา แน่นอนว่าเป็นช่วงที่หลายๆ คนออกตระเวนทำบุญกันเริ่มตั้งแต่สวดมนต์ข้ามปี ทำบุญเก้าวัด และถ้าคนจีนก็ต้องตรวจดวงชะตาและแก้ชงสะเดาะเคราะห์กัน ถ้าใครยังไม่รู้ว่าปีนี้ชงไม่ชงก็ดูรูปประกอบจาก Kapook ได้เลยครับ
ทีนี้สิ่งที่น่าคิดคือเราแก้ชงสะเดาะเคราะห์ หรือทำบุญกันต้นปีด้วยพิธีต่างๆ นั้น ส่วนสำคัญคือการเอาฤกษ์เอาชัยและหวังว่าปีที่กำลังก้าวเข้ามาจะเป็นปีที่ดี ปราศจากทุกข์หรือโรคภัยอะไร ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็เป็นความเชื่อที่ฝังอยู่ในรากลึกของหลายๆ คนอยู่ไม่น้อยว่าโชคร้ายต่างๆ นั้น ส่วนหนึ่งมาจากดวงชะตาของตัวเองด้วย พอมีอะไรเกิดขึ้นก็บอกว่าปีชง ไม่ก็กรรมเก่ากัน จนหลังๆ เลยเกิดการแก้กรรม แก้เคราะห์กันเต็มบ้านเต็มเมือง
โดยส่วนตัว อย่างที่ผมเคยพูดไว้หลายๆ ครั้งว่าพิธีกรรมและความเชื่อเหล่านี้ ในมุมหนึ่งแล้วก็เป็นจิตวิทยาช่วยคนอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าใครที่ซวยซ้ำซวยซากจนหมดใจกัน ก็จะได้คิดให้กำลังใจตัวเองได้บ้างว่า อ่อ นี่คงเป็นเคราะห์จากปีชง เคราะห์จากโน่นนี่ ซึ่งพอเป็นอย่างนั้นก็พอจะชื้นใจขึ้นมาได้ทีเดียว แถมบางคนพอเข้าสู่พิธี “แก้” แล้ว ก็ยิ่งทำให้รู้สึกดี รู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นว่าได้รับการปัดเป่าตัวที่นำความทุกข์มาให้แล้ว
และพอเราจิตใจดี กำลังใจดี อะไรๆ มันก็ดีเป็นเรื่องธรรมดา อะไรที่เราเคยมองว่ามันแย่ พอเราอารมณ์ดี มันก็อาจจะเป็นเรื่องเฉยๆ หรือไม่ได้สะทกสะท้านไปกับมัน หลายๆ คนก็เลยอาจจะรู้สึกว่าสถานกาาณ์รอบข้างมันดีขึ้น
ในช่วงที่ผมแย่ๆ กับชีวิต ผมก็ไปหาหมอดูหลายสำนักอยู่ ก็มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ ไปไหว้พระที่โน่นที่นี่และอีกมากมาย หมอดูคนหนึ่งดูกราฟชีวิตผมแล้วบอกว่าช่วงปีนั้นเป็นปีตกต่ำของผม เรียกว่าถึงฆาตเลยก็ว่าได้ แต่เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้น ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าหมอดูคนนั้นแม่นมากน้อยเพียงใด แต่หลังจากนั้นชีวิตผมก็ดีขึ้นตามลำดับ…หลังจากที่ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองนะครับ
หลังจากผมผ่านจุดแย่ๆ ของชีวิตมา (หลายที) ผมว่าพิธีกรรมต่างๆ นั้นคือการสร้างความเชื่อและสร้างขวัญกำลังใจให้กับแต่ละคนอย่างที่บอกไปนั่นแหละ แต่สิ่งสำคัญคือแต่ละคนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปด้วย ในวันเก่าที่ผมเคยทุกข์ทรมานเพราะอกหัก ถ้าผมยังคิดวนไปวนมาเรื่องนั้นอยู่ ผมก็คงไม่สามารถหลุดพ้นทุกข์มันได้ การหลุดพ้นของผมคงไม่ใช่เพราะอะไรอื่นนอกจากการที่ผมหยุดคิดและมีชีวิตใหม่ให้กับตัวเอง (ซึ่งการจะคิดแบบนั้นได้ ก็อาจจะเป็นเพราะการทำพิธีหรือสะเดาะเคราะห์อะไรนั้น ก็คงแล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคนล่ะฮะ)
ถ้าถามผม การแก้ชงนั้น คงไม่สำคัญเท่ากับการแก้ไขนิสัยตัวเอง ถ้าเรายังประพฤติแบบเดิมอยู่ เหตุที่นำมาสู่ทุกข์ก็ยังเหมือนเดิม เหตุที่นำมาสู่ความวุ่นวายก็ยังไม่ได้เปลี่ยนไป ท้ายที่สุดมันก็จะคงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ดี แต่ถ้าเราแก้ไขนิสัยตัวเราเอง เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ดีให้เป็นสิ่งดีแล้ว เหตุที่ดีก็นำมาสู่ชีวิตที่ดีเป็นเรื่องธรรมดา
ผมเขียนบล็อกนี้ไม่ได้บอกให้เลิกไปทำบุญหรือทำพิธีอะไร การทำบุญนั้นก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้วไม่ว่าจะมากจะน้อย แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องมองให้ออกว่าบุญนั้นคืออะไร มาจากไหน และส่งผลอะไรกับชีวิตของเราโดยที่ไม่หลงงมงายยึดติดกับมันจนไม่ได้ใช้สติเลย ทำบุญแล้วก็ให้ได้ใช้ปัญญาตรองดูว่าจะนำโอกาสจากผลบุญนั้นไปเปลี่ยนแปลงอะไรให้ชีวิตดีขึ้น
และถ้าทำได้ ปีนี้ก็คงมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นอีกเยอะแน่นอนครับ
Comments