top of page

เราควรจะลงมือทำอะไรกับ Digtial Marketing ในปีหน้า

ไหนๆ ก็จะหมดปีและเข้าสู่ปีหน้าแล้ว ผมเชื่อว่ามันคงเป็นช่วงที่เราจะมีการพูดถึงเทรนด์ต่างๆ ที่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2015 กันเป็นแน่ แต่เอาจริงๆ แล้วสำหรับผมนั้น หลายๆ อย่างอาจจะไม่เรียกว่าเทรนด์เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น (หรือถูกพูดถึง) มาค่อนข้างนานแล้ว 

ถึงกระนั้น หลายๆ คนก็มาถามผมเหมือนกันว่าปีหน้านั้น “น่า” จะเป็นอย่างไร ผมเลยขอตอบเป็นสิ่งที่คนทำงานด้านการตลาดทั้งหลายควรจะลองเอามาคิดๆ ดูกันหน่อยแล้วกันนะครับว่าปีหน้าเราควรจะทำอะไรกันบ้าง

หมายเหตุ: ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นของผมล้วนๆ ไม่ได้เป็นการอธิบายเทรนด์แบบมีตัวเลขประกอบอะไรทั้งสิ้น ฉะนั้นให้มองว่าเป็นทัศนคติล้วนๆ นะฮะ

1. การทำ Social Media อย่างมี Strategy อย่างจริงจัง (เสียทีเถอะ)

สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะเจอในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาคือการที่หลายๆ แบรนด์กระโจนเข้าสู่ Social Media ตามกระแสประเภทที่ใครๆ ก็บอกว่า “ยุคนี้อะไรๆ มันก็ต้อง Facebook กันล่ะ” แต่ทั้งหมดนั้นขาดกระบวนการคิดและวางแผนอย่างเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจน ฉะนั้นคงจะดีถ้าแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจรายใหญ่จนถึงรายย่อยที่บอกตัวเองว่ากำลังทำ Social Media Marketing นั้นควรจะมีคำตอบและ Startegy ที่ชัดเจน ไม่ใช่แค่การมานั่งปั้มไลค์ ขอแชร์ แล้วพยายามเคลมตัวเลขต่างๆ โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะนำไปสู่ “การตลาด” อย่างไร

2. การทำ Content Marketing กันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว (และไม่ใช่แค่ Viral Video)

ผมพูดเรื่อง Content Marketing มาอยู่สักพักใหญ่ๆ ซึ่งก็มีหลายๆ แบรนด์เริ่มปรับทิศทางในการสร้างคอนเทนต์ที่ดูเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้นผมก็มักเจอการเคลมว่าทำ Content Marketing ด้วย Viral Video สุดดัง (ก่อนจะหายไปหลังจากคลิปเลิกดัง) ซึ่งส่วนตัวผมนั้นมองว่ามันยังไม่ใช้ความสามารถของคอนเทนต์เท่าที่ควร เช่นเดียวกับที่เรามักเจอกรณีของคลิปวีดีโอดังมากมายแต่ไม่สามารถตอบตัวเองและย้อนกลับมาเป็น Marketing Value ได้เท่าไรนัก ฉะนั้นคงจะดีถ้านักการตลาดมองให้ออกว่าการทำ Content Marketing ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดในปัจจุบันนั้นคืออะไรและต้องปรับวิธีการสื่อสารผ่านคอนเทนต์อย่างไรในเวิร์คในปีหน้า

3. การทำ Digital Media Optimization

ทุกวันนี้เทคโนโลยีของ Digital Media นั้นถือว่าล้ำหน้ากว่าเดิมเยอะ แน่นอนว่ามันทำให้ศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพย่อมสูงขึ้นตาม ถึงกระนั้นหลายๆ คนก็ยังไม่ได้ใช้ความสามารถดังกล่าวเท่าที่ควร บ้างก็เพราะขาดความชำนาญ บ้างก็ขาดเครื่องมือ ซึ่งมันก็คงเป็นความท้าทายให้กับคนทำงานด้านนี้ในการพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไรให้เม็ดเงินที่ลงไปกับ Digital Media นั้นทำงานได้คุ้มค่าที่สุด ก็คงเป็นโจทย์ที่คนทำงานแบรนด์ต้องพัฒนาความรู้ของตัวเอง เช่นเดียวกับเอเยนซี่ที่ก็ต้องสรรหาวิธีที่จะทำให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดด้วยนั่นแหละ

4. การทำ Analytics ที่ไม่ใช่แค่มีเครื่องมือ

ผมพูดอยู่เสมอว่าการมี Social Media Listening Tool นั้นไม่ได้แปลว่าคุณล่วงรู้ว่าผู้บริโภคคิดอะไร เพราะเครื่องมือมันก็คือเครื่องมือวันยังค่ำ แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องมีคือการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกรวบรวมมาให้เกิดเป็น Marketing Insight ให้ได้ ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าแบรนด์ใหญ่ๆ ล้วนมีเครื่องมือมากมายในการเก็บข้อมูลต่างๆ แต่คำถามที่ตามมาคือเราใช้ข้อมูลเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์หรือเปล่า หรือแค่เอาไว้ใช้ใน Report ประจำเดือนกับผู้บริหาร ซึ่งพอเป็นแบบนี้มันอาจจะถึงเวลาที่เราต้องตั้งคำถามอย่างจริงจังว่าเราจะใช้ Analytics ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพของมันไหม

เอาจริงๆ ผมเองก็มีอีกหลายสิ่งที่ผมคิดว่า “อยากทำ” ในปีหน้า (แต่ขออุบไว้ก่อนว่ามีอะไรเผื่อจะหน้าแตก ^^”) และ 4 อย่างนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ผมค่อนข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ ก็ลองเอาไว้เป็นแนวทางและปรับใช้กับกลยุทธ์ของตัวเองก็ได้นะครับ

และที่สำคัญคือ Digital Marketing นั้นมีการขยับที่ค่อนข้างรวดเร็ว อะไรที่เราวางแผนไว้หากมีการเปลี่ยนแปลงก็ควรรีบปรับตาม ไม่ใช่ยึดแผนไว้จนขยับอะไรไม่ได้ นั่นก็คงจะไม่เข้าท่าอยู่ล่ะฮะ

Comentarios


Me_Potrait.jpg

Nuttaputch Wongreanthong

An experienced marketer with a passion for understanding and exploring the latest trends

  • Facebook
  • Twitter
  • LinkedIn
  • Instagram

Subscribe

Thanks for submitting!

bottom of page