เสรีภาพออนไลน์ ไม่ชอบก็ไม่ต้องมา Follow: ข้ออ้างโง่ๆ มักง่าย และไร้ความรับผิดชอบ
โลกออนไลน์ในทุกวันนี้มีช่องทางการเสพข้อมูลมากมายเกิดขึ้นในทุกๆ วัน โดยเฉพาะเมื่อคนธรรมดาทั่วไปกลายเป็นสื่อที่ผลิตเนื้อหาและเผยแพร่สู่สาธารณะผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Blog Twitter Facebook Page YouTube หรืออื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อยว่าเรากำลังคอนเทนต์หลากหลายเกิดขึ้นในทุกๆ วัน
การเกิดขึ้นของคอนเทนต์ที่หลากหลายนั้น ดูจะเป็นเรื่องดีที่หลายๆ คนรู้สึกตื้นเต้นไม่น้อยกับการมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร หรือทัศนคติต่างๆ ของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ ซึ่งถ้าจะมองในแง่ดีแล้ว มันก็คงเป็นเรื่องดีไม่น้อยถ้าคอนเทนต์เหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อไป
แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เราเริ่มเห็นมากขึ้นทุกๆ วันคือการกล่าวอ้าง “สิทธิ” และ “เสรีภาพ” บนโลกออนไลน์ มาเป็นข้ออ้างประกอบการแสดงความคิดเห็น หรือนำเสนอข้อมูลที่อาจจะไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง หรือบ้างก็แสดงความคิดเห็นต่างโดยใช้ตรรกะเหตุผลที่ผิดเพี้ยน แต่เมื่อถูกแย้งหรือค้าน ก็กลับมาใช้ข้ออ้างทำนองว่า
“ไม่พอใจก็ไม่ต้องมาอ่าน”“ไม่ชอบก็ไม่ต้องมา Follow สิ”
เคยมีการพูดกันว่าสื่อออนไลน์เป็นสื่อเสรีที่คนสามารถเลือกจะพูดหรือโพสต์อะไรก็ได้ และให้คนอื่นเป็นคนตัดสินเองว่าจะเลือกติดตามไหม (ถ้าพูดง่ายๆ คือมองว่ากลายเป็นสื่อทางเลือกนั่นเอง)
โดยส่วนตัว ผมขอบอกว่าความคิดแบบนั้นเป็นความคิดแบบไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมสิ้นดี
ใช่ครับ แม้ว่าคนที่มองหาสื่อทางเลือกจะมีสิทธิ์พิิจารณาว่าอะไรดีไม่ดี อะไรควรตามหรือไม่ควรตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าการมีคนตามจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป และต่อให้ไม่มีคนตาม มันก็ไม่ได้แปลว่าไม่ต้องสนใจอะไรเช่นกัน
ในความเห็นของผมนั้น สิทธิและเสรีภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ ไม่ใช่ทึกทักจะเอาแต่สิทธิและอำนาจในการได้โพล่งอะไรออกไปโดยไม่ต้องมารับผิดชอบ
ผมพูดเสมอว่าสิ่งไหนที่เราไม่ควรทำในโลกปรกติ ไม่ควรพูดในชีวิตออฟไลน์ สิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเหมือนกันบนโลกออนไลน์ โลกออนไลน์ไม่ได้มีใบอนุญาตให้คนทำผิดศีลธรรมได้โดยไม่มีความผิด ไม่มีการให้สิทธิทำเรื่องไม่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องแคร์อะไร การทำบาปบนโลกออนไลน์ก็ไม่มีวันได้รับการยกเว้นบาป แม้ว่าจะมีคนกดไลค์หรือกด RT มากแค่ไหนก็ตาม
การกระทำที่ไม่ถูกต้อง จะกระทำที่ไหน มันก็ไม่ถูกต้องวันยังค่ำ ไม่มีข้อยกเว้นว่าเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ ถ้าเราเจตนาไม่ดี จะทำเลวที่ไหนมันก็เลวเหมือนกัน
ลองคิดกันดูดีๆ ว่าวันนี้เราโพสต์หรือเขียนอะไรกันบนโลกออนไลน์ เราทำกริยาที่ไม่เหมาะสมอยู่หรือเปล่า เราพูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูดหรือไม่ เรามีพฤติกรรมที่เราเคยว่าคนอื่นไหม ข้อมูลที่เรานำเสนอไปนั้นควรถูกนำเสนอหรือเปล่า ฯลฯ
อย่าคิดแค่เอาว่าการมีคนตามเราแปลว่าเรามีความชอบธรรมจะทำอะไรก็ได้ การมีคนตามอ่านเราแสดงว่าเราพูดหรือทำอะไรแย่ๆ ก็ยังมีคนสนับสนุนเรา เพราะถ้าคิดแบบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่หลงอำนาจไปวันๆ เท่านั้น และถ้ายิ่งรู้ว่ามีคนตามแต่ยังทำเรื่องไม่ถูกต้องอีก ก็ยิ่งน่าอดสูไปกว่าเดิมเสียอีก
คนเราโดยพื้นฐานรู้กันอยู่ว่าอะไรดีไม่ดี แต่เรามักเอาการตัดสินนี้ไว้ทีหลัง และเอาเหตุผลอื่นๆ มาบิดเบือนแล้วหาความชอบธรรมว่าที่ทำอยู่นั้นดีโดยไม่สนว่าตรรกะที่ใช้นั้นถูกหรือผิด บ้างก็เอาเหตุผลมาแถสีข้างไปเรื่อยๆ
วิธีคิดแบบนี้ ก็มีแต่จะลดศีลธรรมและความเป็นผู้เจริญลงไปทุกวันๆ นั่นแหละ
コメント